ชาวเมืองยู่หลิน ภายในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตอนใต้ของประเทศจีน เริ่มงานเทศกาลกินเนื้อสุนัขแล้วในวันอังคารที่ 21 มิ.ย. โดยคาดว่าจะมีสุนัขถูกฆ่าเป็นอาหารมากกว่า 10,000 ตัว...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวจีนในเมืองยู่หลิน ภายในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตอนใต้ของประเทศจีน เริ่มจัดงานเทศกาลกินเนื้อสุนัขแล้วในวันอังคารที่ 21 มิ.ย. ท่ามกลางเสียงประท้วงต่อต้านจากทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากจะมีสุนัขและแมวถูกฆ่าเป็นอาหารมากถึง 10,000 ตัว ตลอดระยะเวลางาน 10 วัน
เทศกาลลิ้นจี่และเนื้อหมาที่ทั่วไปเรียก เทศกาลเนื้อหมายู่หลิน เป็นการเฉลิมฉลองประจำปีของเมืองยู่หลิน โดยจัดทุกวันที่ 21 มิ.ย. มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2552 โดยประชาชนและเจ้าของร้านค้าต่างยืนยันว่าสัตว์ทุกตัวถูกฆ่าด้วยวิธีที่มีมนุษยธรรม
อย่างไรก็ตาม งานนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้นทุกปี โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวหาว่า สุนัขถูกฆ่าด้วยวิธีทารุณและถูกฆ่าต่อสาธารณะ บางครั้งสุนัขถูกทุบตีจนตายหรือถูกนำไปปรุงอาหารทั้งเป็น นอกจากนี้ ก่อนงานจะเริ่มสุนัขมักถูกขังไว้ในกรงแคบๆ และภาพที่ได้รับการเปิดเผยออกมายังแสดงให้เห็นว่า สุนัขหลายตัวมีปลอกคอ ซึ่งเป็นไปได้ว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่ขโมยมา
กลุ่มรณรงค์ 'สต็อป ยู่หลิน ฟอร์เอเวอร์' (Stop Yulin Forever) อ้างว่า สุนัขที่ถูกนำมาบริโภคภายในงาน ถูกขนมาจากต่างเมืองโดยถูกจัดให้อยู่กันอย่างแออัดรถบรรทุก ในสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้มีโอกาสที่เชื้อโรคจะแพร่กระจายได้มากขึ้น พวกมันยังไม่ได้รับน้ำและอาหารระหว่างการเดินทางด้วย
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งได้รับการเผยแพรผ่านสำนักข่าวซินหัว สื่อหลักของจีนในสัปดาห์นี้ ระบุว่า ประชาชนอายุระหว่าง 16-50 ปี จำนวน 64% ของผู้รับการสำรวจทั้งหมด สนับสนุนให้ยกเลิกเทศกาลกินเนื้อสุนัขที่เมืองยู่หลินอย่างถาวร
ทั้งนี้ การค้าขายเนื้อสุนัขเพื่อเป็นอาหารของมนุษย์ เป็นเรื่องถูกกฎหมายในประเทศจีน โดยในแต่ละปีจะมีสุนัขประมาณ 10 ล้านตัวถูกฆ่าเป็นอาหาร แต่จากผลสำรวจฯ พบว่าผู้รับการสำรวจ 51.7% รวมชาวเมืองยู่หลินต้องการให้ห้ามขายเนื้อสุนัขโดยสมบูรณ์ และ 69.5% อ้างว่าไม่เคยบริโภคเนื้อสุนัขมาก่อน
ขอบคุณ ภาพ AP / ข่าวจากไทยรัฐ